หลายๆ ท่านน่าจะเคยเห็นรองเท้า keen กันมาบ้างแล้ว เพราะดารา พรีเซนเตอร์ทั้งหลายใส่กันกระหึ่มสุดๆ และด้วยความที่ดีไซน์ที่เก๋อย่าบอกใคร หาไม่ได้จากแบรนด์ไหนๆ เลยทำให้รองเท้า keen นี้ฮิต และติดอันดับรองเท้าที่คนซื้อมากที่สุดในช่วงนี้กันเลยทีเดียว และก่อนที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปดูถึงจุดขายที่ทำให้รองเท้า keenโดนเด่นกว่าแบรนด์ไหนๆ เราขอพาเพื่อนๆ วาร์ปไปดูประวัติความเป็นมาของรองเท้า keen กันก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็อย่ามัวเสียเวลา เราไปหาคำตอบของข้อมูลเหล่านี้กันเลย
ประวัติความเป็นมาของรองเท้า keen
รองเท้า keen ก่อตั้งเมื่อปี 2003 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยคุณ MARTIN KEEN กับคุณ RORY FUERST ภายใต้ CONCEPT ที่เน้นชัดในเรื่องของสิ่งแวดล้อมโลก จึงใช้เครื่องจักรเก่าในการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่วัสดุไปจนถึงกล่องรองเท้า ล้วนทำมาจากวัสดุรีไซเคิลทั้งสิ้น อีกทั้งกระบวนการขั้นตอนการผลิตรองเท้านั้น จะไม่มีสารพิษสารเคมีเจือปนอย่างแน่นอน ถือได้ว่าเป็นรองเท้าเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของโลก และใส่ใจมนุษย์อย่างที่สุดเลยล่ะ
ซึ่งจุดเด่นหลักของรองเท้า keen คือ เป็นเจ้าแรกๆ ที่เน้นสร้างความคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยน้ำหนักรองเท้าเพียง 8.9 OZ และใส่ใจในการออกแบบ ที่ต้องการป้องกันนิ้วเท้าจากการกระแทกในรูปแบบต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แถมกันน้ำ กันลื่น ระบายเหงื่อได้ดีอีกด้วย
จุดขายที่ทำให้รองเท้า keen โดนเด่นกว่าแบรนด์ไหนๆ
- จุดขายของรองเท้า keen คือ SECURITY GUARD เชือกรูดเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่หุ้มด้วยไนลอนเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ตัวล็อคแบบระบบบันจี้จั๊มที่จะช่วยให้คุณปรับความหนาแน่นได้สะดวกยิ่งขึ้น
- จุดขายของรองเท้า keen คือ FLEX EDUCATION จะช่วยในเรื่องของการเคลื่อนไหวเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ดี จดจำรูปเท้า มีน้ำหนักเบา ให้ความสะดวกสบายทนทาน และยังเพิ่มความยืดหยุ่นของฝ่าเท้าได้มากกว่าเดิม
- จุดขายของรองเท้า keen คือ HEEL APPEAL สายรัดส้นไมโครไฟเบอร์ (MICROFIBER) เสริมความนุ่มให้ความกระชับพอดีเท้า
- จุดขายของรองเท้า keen คือ TRACTION PACKED พื้นยางใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดอย่าง RAZOR SIPING มีแรงบิดสูงช่วยเพิ่มแรงฉุดเกาะยึดเหนี่ยวกับพื้นผิวเรียบ หรือเปียกน้ำได้อย่างยอดเยี่ยมทำให้คุณปลอดภัย
และนี่คือประวัติความเป็นมา จุดเด่น และจุดขายของรองเท้า keen ที่เรานำมาฝากกันในบทความนั่นเอง ท้ายนี้ เราอยากจะฝากบอกเพื่อนๆ ทุกคนก่อนไปว่า ควรมีรองเท้า keen ติดบ้านไว้สักคู่ แล้วคุณจะพบความสบาย แต่ยังคงคีพความเท่ห์ๆ คูลๆ ไว้อยู่ วันไหนอยากจะเที่ยวก็หยิบมาใส่ วันไหนอยากจะลุยก็หยิบมาใส่ หรือวันไหนที่ต้องไปทำงานก็ใส่ได้เหมือนกัน เพราะยังคงให้ลุคที่ดูเป็นกึ่งทางการอยู่นั่นเอง
