บทความนี้ข้อมูลอาจจะจริงจังสักหน่อย เพราะเราอยากตีแผ่อีกด้านของเรื่องราวเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ที่กลุ่มลาขาดควันยาสูบ ECST ต้องเผชิญ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า ภาครัฐเพิกเฉยต่อหน้าที่ในการค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น กลุ่มลาขาดควันยาสูบ ECST ( End Cigarette Smoke Thailand ) จึงต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ์ในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ และยังได้เข้าร่วมงานเสวนาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในหลายประเทศเพื่ออัพเดทข้อมูลงานวิจัยและนโยบายของต่างประเทศ เพื่อมาบอกต่อและเพื่อบอกเล่าถึงสถานการณ์ที่ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยต้องเผชิญให้กับนานาประเทศได้ทราบกัน
กิจกรรมในต่างประเทศที่กลุ่มลาขาดควันยาสูบ ECST ได้เข้าร่วมเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
- กิจกรรมที่กลุ่มลาขาดควันยาสูบเข้าร่วมเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า smok : ร่วมงาน The 1St Asia Harm Reduction Forum 2017 ที่กรุงจาการ์ตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย กิจกรรมที่กลุ่มลาขาดควันยาสูบเข้าร่วมเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า : จัดขึ้นโดยสาธารณสุขสาธารณะของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีคณะผู้แทนจากนานาชาติร่วม 10 ประเทศ มาร่วมเสวนาในครั้งนี้เพื่อแสดงทัศนะและข้อเสนอของผู้บริโภคที่เป็นผู้สูบบุหรี่ในปัจจุบัน โดยมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขของแต่ละประเทศเลิกมองผู้สูบบุหรี่เป็นจำเลยของสังคม
- กิจกรรมที่กลุ่มลาขาดควันยาสูบเข้าร่วมเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า : ร่วมงาน #VapersBeHeard ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นงานที่จัดขึ้นโดยสมาคมของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า smok รุ่นฮิตขายดีจากประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย รวมตัวกันเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเอเชีย เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางเลือก โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายควบคุม สิทธิ์และเสรีภาพในการใช้งาน
และกิจกรรมที่กลุ่มลาขาดควันยาสูบเข้าร่วมเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า งานล่าสุด ก็คือ การเข้าร่วมงานประชุม FCTC COP8 จัดโดย WHO ที่เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นงานประชุมที่ผู้เข้าร่วมต้องได้รับเชิญเท่านั้น ทั้งนี้เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้รับเชิญไปเป็นผู้สังเกตการณ์ โดยงานนี้ย่อมาจาก Framework Convention on Tobacco Control หรือกรอบการทำงานควบคุมในเรื่องการควบคุมยาสูบ เป็นงานประชุมของภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO) งานนี้มีตัวแทนสนธิสัญญาการควบคุมยาสูบเข้าร่วมกว่า 148 ประเทศ รวมถึงตัวแทนของหน่วยงานสหประชาชาติ องค์กรระหว่างรัฐบาล และภาคประชาสังคม อย่างไรก็ตาม ในทุกๆ กิจกรรม ก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่เราจะพัฒนาวงการนี้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม
